ไกสอน พมวิหาน (อังกฤษ: Kaysone Phomvihane, ลาว: ????? ????????; 13 ธันวาคม พ.ศ. 2463 — 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535) เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคปฏิวัติประชาชนลาวคนแรก และนายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ได้เป็นประธานประเทศจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2535 ปัจจุบันมีอนุสรณ์สถานของท่านอยู่ทุกแขวงทุกเมืองทั่วประเทศ และมีรูปของท่านปรากฏบนธนบัตรสกุลเงินกีบของลาวด้วย
ไกสอน พมวิหาน มีชื่อภาษาเวียดนามว่า เหงียน ไก ซง (เวียดนาม: Nguyen Cai Song) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เหงียน จี๊ มืว (เวียดนาม: Nguy?n Tr? M?u) เป็นบุตรของนายล้วน หรือ เหงียน จี๊ ลวน (เวียดนาม: Nguy?n Tr? Loan) เป็นชาวลาวเชื้อสายเวียดนาม ข้าราชการแปลภาษาที่สำนักงานผู้สำเร็จรัฐการฝรั่งเศสประจำแขวงสุวรรณเขต กับนางดก มารดาชาวลาว เกิดที่บ้านนาแซง เมืองคันธบุรี (ปัจจุบันคือเมืองไกสอน พมวิหาน) แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว มีน้องสาวสองคน คือ นางสุวรรณทอง อาศัยอยู่ในประเทศไทย และนางกองมณี อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา
เมื่ออายุ 7 ปี ได้เข้าเรียนโรงเรียนประถมภาษาลาวที่บ้านเหนือ (ปัจจุบันคือบ้านไซยะพูม) ต่อมาเข้าเรียนโรงเรียนประถมภาษาฝรั่งเศสที่บ้านใต้ (บ้านท่าแฮ่) เมื่อเรียนจบชั้นประถมเมื่อปี 1934 ได้เข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนวิทยาลัยโปรเต็กโตรา (Lyce? du Protectorat) กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเรียนจบวิทยาลัยในปี 1942 ได้สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาวิชาแพทย์ตามคำแนะนำของพ่อ แต่เมื่อได้เรียน เนื่องจากวิชาดังกล่าวไม่ถูกกับบุคลิก และความชอบในวิชาชีพ ท่านจึงได้เปลี่ยนมาเรียนวิชากฎหมายแทน
การเรียนวิชากฎหมาย ทำให้ท่านได้เรียนรู้กลไกการปกครองแบบหัวเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ได่เรียนรู้เกี่ยวกับขบวนการต่อสู้ของนักเรียนนักศึกษาที่รักชาติต้านลัทธิล่าเมืองขึ้น ในช่วงนั้น ขบวนการเวียดมินห์ ภายใต้การนำพาของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน โดยประธานโฮจิมินห์ ท่านไกสอนได้ศึกษาเอกสารสิ่งพิมพ์ที่เป็นเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน รวมทั้งเอกสารอื่นๆ เช่น เลอ ตราวาย (Le Travail), หนังสือทฤษฎีปฏิวัติ ซึ่งในนั้นรวมทั้งมติของกองประชุมสากลคอมมิวนิสต์ปี 1919 และหนังสืออื่นๆ เกี่ยวกับโซเวียต เงื่อนไข และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการต่อสู้ของเวียดมินห์ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแนวคิด และเส้นทางชีวิตของท่าน ท่านเคยมีความเห็นว่า "การเคลื่อนไหวของเวียดมินห์ ได้ทำให้เขาเกิดแนวคิดรักชาติ และอยากให้ประเทศเป็นเอกราช"
ปี 1944 ท่านไกสอนได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมวัยหนุ่มกู้ชาติเวียดมินห์ ท่านได้ร่วมกิจกรรมของสมาคมนี้อย่างมากมาย ทำให้ท่านได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวของเวียดมินห์ มาถึงเวลานี้ ท่านไกสอน พมวิหาน ไม่เพียงแต่เป็นนักรักชาติที่มีสติตื่นตัวแล้วเท่านั้น แต่หากยังมีแนวคิดปฏิวัติอีกด้วย
ปี 1945 สภาพการของโลกได้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบโดยตรงต่อชะตากรรมของบรรดาประชาชาติอินโดจีน ต้นเดือนมีนาคม 1945 ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนได้จัดกองประชุมขึ้น เพื่อตระเตรียมเงื่อนไขอันจำเป็นให้แก่การลุกฮือขึ้นยึดอำนาจการปกครอง เอาเอกราชแห่งชาติมาให้บรรดาประเทศในอินโดจีน
วันที่ 9 พฤษภาคม 1945 กองทัพแดงโซเวียตได้รับชัยชนะกองทัพฟาสซิสต์เยอรมัน ทำให้เป็นโอกาสอันอำนวยสำหรับการลุกฮือขึ้นยึดอำนาจได้เกิดขึ้นสำหรับประชาชนในแหลมอินโดจีน ประธานไกสอน ซึ่งก็มาถึงสะหวันนะเขตไม่กี่วันก็ได้เคลื่อนไหวค้นหานักรักชาติในขบวนการลาวอิสระ ทั้งดำเนินการปลุกระดม และจัดตั้งชาวหนุ่มลาว และเวียดนามต่างด้าวเข้าร่วมในขบวนการต่อสู้ยึดอำนาจที่สะหวันนะเขต
ตามบทเขียนของท่าน สีซะนะ สีสาน ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้าร่วมในขบวนนั้นให้รู้ว่า "ในขณะนั้น สหาย ไกสอน พร้อมด้วยคณะผู้แทนชาวสะหวันนะเขต ได้ไปหาพวกญี่ปุ่น และทวงให้ญี่ปุ่นมอบอำนาจให้แก่ชาวลาว ในที่สุดในวันที่ 31 สิงหาคม 1945 พวกญี่ปุ่นก็ได้ยอมมอบปืน 120 กระบอก พร้อมลูกปืนหลายหีบให้แก่ชาวสะหวันนะเขต กองกำลังประกอบอาวุธประชาชนได้รับการจัดตั้งขึ้นในทันที และพร้อมกันนั้น ประธาน ไกสอน และผู้เขียน (ท่าน สีซะนะเอง) ก็ได้พากันออกไปบ้านบอกให้บรรดากำลังประกอบอาวุธ "ลาวอิสระ" เข้ามาสะหวันนะเขต เพื่อสมทบกับกำลังประกอบอาวุธประชาชนที่ได้จัดตั้งไว้ก่อนแล้วให้เป็นกำลังประกอบอาวุธอันเดียวกัน ภายหลังที่การยึดอำนาจเรียบร้อยแล้ว ท่าน ไกสอน พมวิหาน ก็ได้รับผิดชอบแผนกแถลงข่าวของแขวง"
วันที่ 9 กันยายน 1945 พวกทหารฝรั่งเศสได้เปิดบั้นบุกโจมตีเข้าตัวเมืองสะหวันนะเขต พวกเขาได้ถูกตอบโต้คืนอย่างแข็งแรงจากกำลังประกอบอาวุธประชาชน ต้นเดือนตุลา 1945 ท่านได้เป็นเจ้าการเคลื่อนไหวปลุกระดม และจัดตั้งมวลชนชาวสะหวันนะเขตเกือบ 2,000 คนเข้าร่วมในพิธีต้อนรับเสด็จเจ้าสุภานุวงศ์ที่ได้เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม ผ่านสะหวันนะเขต เพื่อไปเข้าร่วมในคณะรัฐบาลลาวอิสระที่เวียงจันทน์
ถึงเดือนธันวาคม 1945 ท่านได้ออกเดินทางจากสะหวันนะเขตไปฮานอย เพื่อรวบรวมชาวลาวที่อาศัยอยู่เวียดนามเข้าร่วมการต่อสู้ เวลาอยู่ฮานอย ท่านได้เข้าทำงานที่วิทยุกระจายเสียงเวียดนาม ภาคภาษาลาว ทำหน้าที่เขียนบทข่าวโฆษณา เขียนบทวิจารณ์ แปลข่าว จากภาษาเวียดนาม และภาษาฝรั่งเศสมาเป็นภาษาลาว บางครั้งท่านยังเป่าแคนออกทางวิทยุกระจายเสียงอีก ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนธันวาคม 1946 ประธานไกสอน ได้เข้าร่วมทำงานในคณะติดต่อลาว-เวียดนามที่ฮานอย องค์การนี้เป็นองค์การรวบรวบคนลาวที่อยู่ฮานาย และแขวงต่างๆ ของเวียดนาม เพื่อจัดตั้งองค์การกู้ชาติของคนลาวที่อยู่ในเวียดนามหรือที่อพยพไปเวียดนาม
ประธานไกสอน ในยุคต่อสู้กับพวกจักรวรรดินิยมล่าเมืองขึ้นทั้งเก่าและใหม่ ร่วมกับผู้นำท่านอื่นๆ ได้แก่ ประธานสุพานุวง ประธานหนูฮัก พูมสะหวัน ประธานคำไต สีพันดอน ประธานไกสอนเป็นผู้นำในการต่อสู้ทางการทหารเข้ามาในภารกิจปลดปล่อยชาติ โดยใช้ยุทธวิธี "บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น" สร้างตั้งพรรคประชาชนลาว โดยท่านเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคนแรก โดยในช่วงนั้นพรรคดำเนินงานอย่างปิดลับ โดยแนวลาวฮักซาดเป็นตัวแทนให้กับพรรค จนสามารถปลดปล่อยประเทศชาติได้อย่างสมบูรณ์ จนประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อ พ.ศ. 2518 พรรคจึงดำเนินงานอย่างเปิดเผย ท่านดำรงตำแหน่งนี้จนถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2535
ประธาน ไกสอน พมวิหาน เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทย อย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล และพระราชอาคันตุกะ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งแรก ที่จังหวัดหนองคาย และเสด็จพระราชดำเนินเยือน สปป ลาว ด้วย แต่ว่าท่านถึงแก่อสัญกรรมเสียก่อน ท่าน หนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศคนต่อมาจึงได้ร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพแทน
พ.ศ. 2553 เป็นปีที่ประธาน ไกสอน พมวิหาน มีอายุครบ 90 ปี พรรคและรัฐบาล สปป ลาว ได้จัดงานเฉลิมฉลอง โดยเฉพาะครอบครัวพมวิหาน นำโดยท่านนาง ทองวิน พมวิหาน ภรรยา ได้จัดพิธีอุทิศส่วนกุศล ที่บ้านของท่าน ในวันที่ 9 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553 มีการสวดพระปริตมงคล ตอนเช้าถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ 9 รูป ส่วนงานที่เป็นรัฐพิธี จัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม
ปัจจุบันอัฐิของท่านได้ประดิษฐานไว้ร่วมกับการนำในอดีตท่านอื่นๆ ณ สุสานแห่งชาติ หลัก 24 เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์
อนุสรณ์สถานไกสอน พมวิหาร ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือท่าด่านประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นอนุสรณ์สถานของไกสอน พมวิหาน อดีตประธานประเทศลาวผู้ล่วงลับไปแล้ว และเป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวลาว เพราะได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศลาวไว้เป็นจำนวนมาก โดยเป็นผู้นำในการปฏวัติต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศสและการปกครองระบบอบกษัตริย์ที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง และประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ปัจจุบันมีประชาชนชาวลาว โดยเฉพาะในแขวงบ่อแก้วไปกราบไหว้อนุสรณ์สถานของท่านอย่างล้นหลาม